Johannes-Brahms

ประวัติของ โยฮันเนิส บรามส์

โยฮันเนิส บรามส์ เป็นนักแต่งเพลง นักเปียโนชาวเยอรมัน ผู้เขียนซิมโฟนี คอนเสริตี แชมเบอร์มิวสิค เปียโน และการแต่งเพลงประสานเสียง เกิดที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2376 เป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านผลงานเพลงในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ถูกมองว่าเป็นคู่ปรับของ โจเซฟเฮย์น, โมสาร์ทและเบโธเฟน เขาถือเป็นนักประพันธ์เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นหนึ่งในนักดนตรีชั้นนำของยุค

บรามส์เป็นลูกคนที่สองของครอบครัว มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยที่เขาเป็นคนที่เริ่มหัดเล่นดนตรีตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของเขาเป็นนักเล่นเบสดับเบิลใน Hamburg Philharmonic Society ในขณะที่เขาหัดเล่นเปียโนเมื่ออายุเพียง 7 ขวบ หลังจากที่ได้เข้าช่วงวัยรุ่น บรามlก็ประสบความสำเร็จทางด้านดนตรีเป็นอย่างมาก เขาใช้พรสวรรค์ของตนในการหาเงินตามโรงแรม ซ่อง หรือ ท่าเรือ เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว

การเข้าวงการครั้งแรกของบรามส์

หลังจากที่ได้ตะเวนแสดงอยู่นาน เขาก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับศิลปินชื่อดัง โรแบร์ท ชูมัน (Robert Schumann) ทั้งคู่เข้ากันได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ ไม่นานพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน โดยที่ชูมันมองเห็นอนาคตที่กว้างไกลของเพื่อนที่เด็กกว่าคนนี้ ว่าจะไปได้ไกลและอาจจะไกลกว่าเขาเองด้วย เขาขนานนามบรามห์ว่าเป็นอัจฉริยะและยกย่องให้เขาเป็น “อินทรีหนุ่ม” ต่อสาธารณชนในบทความที่มีชื่อเสียง ด้วยคำเหล่านี้เองทำให้นักแต่งเพลงอายุน้อยเป็นที่รู้จักในวงการดนตรีอย่างรวดเร็ว

ในปี 1854 ชูมันเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วยหนักขึ้นทุกวัน ในฐานะของเพื่อนที่ใกล้ชิดของเขากับที่ปรึกษา โดยเฉพาะที่เขาถูกมองเป็นคนในครอบครัว บรามส์จึงมักมาช่วยภรรยาของชูมัน “คราร่า” ด้วยการช่วยเหลืองานบ้านต่างๆ นักประวัติศาสตร์ดนตรีเชื่อว่าในไม่ช้าเขาก็ตกหลุมรักคลาร่า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ตอบกลับความรักของเขา แม้หลังจากการเสียชีวิตของชูมันในปี 1856 ทั้งสองก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา

เวลาผ่านไปกว่าหลายปี บรามส์ก็ได้ย้ายไปทำงานหลายสถานที่ รวมถึงผู้ควบคุมวงประสานเสียงหญิงในฮัมบูร์กซึ่งเขาได้รับการแต่งตั้งให้เมื่อปี 1859 เขายังคงเขียนเพลงของตัวเองต่อไป ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาได้แก่ ‘String Sextet ใน B-flat Major’ และ ‘Piano Concerto หมายเลข 1 ใน D Minor’ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยได้แต่งงาน แม้ว่าจะมีการคบหากับผู้หญิงบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ ในช่วงหลังก็เริ่มกลายเป็นคนติดเหล้ามากจนเสียงานเสียการ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตวันที่ 3 เมษายน 1897 จากภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากโรคมะเร็ง

You may also like...